ฝรั่งเศสในยุดกลาง

ฮิว การป หรือ อุค กาเป (Hugh Capet) เคานต์แห่งปารีส บรรพบุรุษของราชวงศ์กาเปเชียง ได้ขึ้นครองราชย์นับเป็นปฐมกษัตริย์ฝรั่งเศส ราชวงศ์กาเปเชียงพระองค์แรก แต่อาณาจักรที่พระเจ้าฮิวต้องปกครองนั้นเต็มไปด้วยความแตกแยกบรรดาขุนนางต่างๆ ทำสงครามกันเองเพื่อแย่งชิงดินแดนหรือแม้แต่กบฏต่อพระเจ้าฮิวที่ปารีส อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสนั้นจึงน้อยนิดแทบทำอะไรไม่ได้ โดยมีอำนาจเฉพาะบริเวณปารีสเท่านั้น

ในปี 1023 โรแบร์ที่ 2 พระโอรสของฮิว กาเป ได้เจรจาสงบศึกกับจักรพรรดิ  เฮนรีที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (อาณาจักรแฟรงค์ตะวันออก) ว่าจะไม่อ้างสิทธิของกันและกันอีกพระเจ้าโรแบร์ที่ 2 ทรงได้รับสมญาว่า ผู้เคร่งศาสนา เพราะเน้นสร้างสันติภาพในหมู่ขุนนางและใช้วิธีทางทูตมากกว่าสงครามเรียกว่า The Peace and Truce of God และยังทรงให้มีการปรับปรุงวินัยของบาทหลวงเสียใหม่ ตามหลักการของพวกเบเนดิกทีนเรียกว่า การปฏิรูปคลูนิแอค (Cluniac Reforms)

ต่อมาเมื่อมาถึงสมัยของพระเจ้าอองรีที่ 1 พระโอรสของโรแบร์ ที่ 2 อำนาจของพระองค์ก็ถูกลดลงอย่างมากอีกเพราะขุนนางต่างๆแผ่ขยายดินแดน โดยเฉพาะดยุดวิลเลียมแห่งนอร์มังดีได้บุกยึดอาณาจักรอังกฤษในปี 1066 และทางใต้ดยุคแห่งอากีแตนได้ดินแดนในฝรั่งเศสไปครึ่งประเทศ

จนมาถึงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 6 อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสจึงเริ่มจะแผ่ขยายกลับมาอีกครั้ง ทั้งนี้เป็นผลจากการที่บรรดาขุนนางต่างใช้กำลังไปมากในสงครามครูเสดทำให้เริ่มจะอ่อนแอ

พระเจ้าหลุยส์ที่ 6 จึงใช้โอกาสนี้เข้าปราบปรามบรรดาบารอน โจร (Robber Barons) ที่คอยปลื้มสะดมเรือต่างๆ และมีอำนาจในปารีส ทรงทุบทำลายปราสาทของบารอนพวกนี้ และทรงดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวกับพวกขุนนาง ขุนนางคนใดไม่เชื่อฟังจะถูกยึดที่ดินหรือส่งกําลังไปปราบปราม

ค.ศ. 1137 อันเป็นสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 เมื่อพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับเอเลนอร์แห่งอากีแตน (Eleanor of Aquitaine) บุตรสาวของดยุคแห่งอากีแตนอันกว้างใหญ่ ทำให้ฝรั่งเศสมีสิทธิจะยึดแคว้นใหญ่นี้ได้ แต่ปรากฏว่าพระเจ้าหลุยส์ทรงเข้าร่วมสงครามครูเสดครั้งที่ 2 และเกิดความขัดแย้งกับราชินีเอเลนอร์ กระทั่งต้องหย่าขาดจากกันในปี 1152

เอเลนอร์แห่งอากีแตน ต่อมาได้ไปอภิเษกกับเฮนรี่ พลันตาจาเนต (Henry Plantaganet) ดยุคแห่งอังชู ที่ฝรั่งเศสถือว่าเป็นขุนนางศักดินาของตน ซึ่งต่อมาจะขึ้นเป็นกษัตริย์เฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ เวลาเดียวกับที่ดยุคแห่งอากีแตนสิ้นชีวิต ทำให้อังกฤษได้แคว้นอากีแตนอันกว้างใหญ่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสไปครอง อังกฤษและแคว้นอากีแตนรวมกันกลายเป็นจักรวรรดิแองเจวิน(Angevin Empire) กล่าวกันว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในครั้งนี้ส่งผลให้กษัตริย์ฝรั่งเศสมีขุนนางทรงศักดิ์เป็นกษัตริย์อังกฤษ กลายเป็นการแข่งขันกับขุนนางศักดินาที่เกิดขึ้นมีความยากลำบากเพิ่มมากยิ่งขึ้น

พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ออกุสต์ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา คือพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ขณะที่ทรงมีพระชนม์เพียง 15 พรรษา ปัญหาสำคัญของพระองค์คือ อังกฤษ ซึ่งอังกฤษขณะนั้นผ่านช่วงของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 และพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ไปแล้ว

ด้วยสงครามที่หนักหน่วงทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ออกุสต์ทรงสามารถยึดแคว้นอากีแตนจากพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษจนเกือบหมดได้ (เหลือเพียงกาสโคนี) ในปี 1214 ทำให้ที่ดินของฝรั่งเศสแผ่ขยายไปกว้างกว่าเดิมมาก และยังทรงตั้งมหาวิทยาลัยปารีสอีกด้วย

นักบุญหลุยส์ (พระเจ้าหลุยส์ที่ 9) ก็ทรงขับเคี่ยวกับอังกฤษต่อไปอีก และสงครามครูเสดอัลบีเจนเซียนทำให้ทรงยึดแคว้นตูลูสได้ ทำให้ฝรั่งเศสเป็น “ประเทศ” ขึ้นมาได้ และกลายเป็นมหาอำนาจแห่งยุโรปในสมัยกลาง ต่อมาพระเจ้าฟิลิปที่ 3 ก็ทรงขยายดินแดนของฝรั่งเศส และพระเจ้าฟิลิปผู้โฉมงาม (Philip the Fair) หรือฟิลิปที่ 4 ก็ได้ทรงทำสัญญาพันธมิตรเก่า (Auld Alliance) กับสกอตแลนด์เพื่อต่อต้านอังกฤษทรงขับไล่พวกอัศวินเทมพลาร์ และตั้งสภาปาเลอร์มองต์ อำนาจของฝรั่งเศสมีมากมายเสียจนสามารถดึงพระ สันตะปาปามาประทับที่อาวิญอง(Avignon) ได้ในปี 1305 สร้างความไม่พอใจไปทั่วยุโรป ด้วยเกรงว่าฝรั่งเศสจะครอบงำองค์พระสันตะปาปา

เมื่อพระเจ้าฟิลิปที่ 4 สิ้นพระชนม์ไป ฝรั่งเศสก็มีกษัตริย์ 3 พระองค์ปกครองตามลำดับคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 10 ฟิลิปที่ 5 และพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ทั้งสามพระองค์ปกครองในเวลาอันสั้นคือรวมกันเพียง 14 ปี

ในปี 1324 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 สิ้นพระชนม์โดยไม่มีทายาท ทำให้ราชวงศ์กาเปเชียงสายตรงต้องสิ้นสุดลง มีการพิจารณาเลือกเชื้อสายของกษัตริย์ราชวงศ์กาเปเชียงเพื่อให้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสกันใหม่ พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษทรงเป็นพระนัดดาของพระเจ้าฟิลิปที่ 4 เป็นพระญาติชายที่ใกล้ชิดที่สุดทางสายพระโลหิตจึงเป็นผู้มีสิทธิจะครองบัลลังก์มากที่สุด แต่ขุนนางฝรั่งเศสไม่ต้องการให้กษัตริย์อังกฤษมาปกครองฝรั่งเศส จึงอ้างกฎบัตรซาลลิคของชนแฟรงค์โบราณว่า การสืบสันติวงศ์จะต้องผ่านทางผู้ชายเท่านั้น จึง หันไปให้ฟิลิปเคานต์แห่งวาลัวส์ (Philip, Count of Valois) ที่สืบเชื้อสายจากพระเจ้าฟิลิปที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฟิลิปที่ 6 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์วาลัวส์ (Valois dynasty) ซึ่งเป็นสาขาของราชวงศ์กาเปเชียง

การเลือกกษัตริย์ฝรั่งเศสในครั้งนี้ทำให้ฝรั่งเศสยิ่งบาดหมางกับ อังกฤษมากยิ่งขึ้น ในปี 1331 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 กษัตริย์แห่งอังกฤษทรงยินยอมที่จะสละสิทธิ์ในบัลลังก์ฝรั่งเศสทั้งมวลแต่ครองแคว้นกาสโดนีเอาไว้ ในปี 1333 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงทำสงครามกับสกอตแลนด์ ทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 6 ทรงเห็นเป็นโอกาสจึงนำทัพบุกยึดแคว้นกาลโคนี แต่พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงปราบปรามสกอตแลนด์อย่างรวดเร็ว และหันมาตอบโต้พระเจ้าฟิลิปได้ทัน กระทั่งในเวลา ต่อมาความขัดแย้งและบาดหมางนี้นำมาสู่สงครามต่อเนื่องที่เรียกว่า “สงครามร้อยปี”

ที่มา.. ประวัติศาสตร์ยุโรป..

อนันตชัย จินดาวัฒน์

ISBN: 978-616-301-008-7

เกี่ยวกับ teerayaut

จงทำความดี เพื่อวันข้างหน้า..
ข้อความนี้ถูกเขียนใน ประวัติศาสตร์ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น